สวัสดีคร้าบบ...กลับมาพบกับน้องโฟกัสอีกครั้ง พร้อมกับข้อมูลดีๆ สำหรับนักเดินทางกระเป๋าเดินทาง
ถือเป็นไอเทมสำคัญที่จำเป็นมากสำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยว และกระเป๋าเดินทางก็มีหลายประเภทหลายสไตล์ให้เลือกสรร
ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเป้ กระเป๋าถือ หรือกระเป๋าเดินทางที่มีล้อลาก และแต่ละทริปจำนวนวันในการเดินทางของเรา
ก็ไม่เท่ากัน บางครั้งอาจเดินทางไปทำธุระแค่ 1-2 วัน ไปพักร้อนช่วงสุดสัปดาห์
3-5 วัน หรือบางครั้งก็หยุดยาวเที่ยวกันเต็มที่ 6-10 วัน
ระยะเวลาที่ต่างกันจึงส่งผลต่อการเลือกกระเป๋าเดินทางของเราด้วย วันนี้ผมมีข้อแนะนำ เลือกกระเป๋าเดินทางยังไง ให้เหมาะกับทริปเดินทาง มาฝากกันคร้าบบบ
กระเป๋าเดินทางมีหลายประเภท
แต่ละประเภทเหมาะกับทริปแตกต่างกันไป
1.
กระเป๋าล้อลาก กระเป๋าเดินทางแบบแรกคือกระเป๋าแบบล้อลากที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ
ซึ่งมีจุดเด่นคือเราสามารถลากกระเป๋าในสนามบินหรือตามทางเดินเรียบๆ ได้
และไม่ต้องแบกกระเป๋าเองตลอดการเดินทาง
กระเป๋าประเภทนี้จะเหมาะกับทริปทั่วไปที่ไม่ได้สมบุกสมบันมากนัก เช่น
การเที่ยวในตัวเมืองหรือการเดินทางเพื่อธุรกิจ และไม่เหมาะกับการเดินป่า ตั้งแคมป์
ซึ่งต้องไปในที่ๆ ไม่มีทางให้ลากกระเป๋า
กระเป๋าเดินทางล้อลากสามารถแบ่งออกเป็น
2 แบบ ได้แก่ กระเป๋าแบบแข็งและแบบผ้า
กระเป๋าเดินทางแบบแข็ง
จะทำจากวัสดุแข็งอย่างโพลีโพรพิลีน
โพลีคาร์บอเนต หรือพลาสติก ABS ซึ่งจะมีความแข็งแรงคงทนมากกว่า
ช่วยลดโอกาสที่สิ่งของภายในกระเป๋าจะได้รับความเสียหายจากฝนหรือการกระแทก
จึงเหมาะกับการเก็บของที่แตกหักได้ง่ายและการโหลดใต้ท้องเครื่อง นอกจากนี้
กระเป๋าแบบแข็งยังสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม
กระเป๋าเดินทางแบบแข็งจะไม่มีช่องใส่ของด้านนอก และเนื่องจากใช้วัสดุที่มีความแข็ง
ทำให้ขยายขนาดไม่ได้
และใส่ในช่องเก็บของบนเครื่องหรือใส่ท้ายรถได้ยากกว่าถ้าขนาดไม่พอดี
กระเป๋าเดินทางแบบผ้า
จะทำจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า
เช่น โพลีเอสเตอร์หรือไนลอน ซึ่งทำให้ขยายขนาดได้ สามารถจุของเพิ่มได้ง่ายกว่า
และยังสามารถใส่ในช่องเก็บของบนเครื่องหรือท้ายรถได้ง่ายกว่าด้วย นอกจากนี้
กระเป๋าแบบผ้ามักจะมีช่องใส่ของด้านนอก ซึ่งเหมาะกับการเก็บของชิ้นเล็กๆ
ที่ต้องนำออกมาใช้บ่อยๆ เช่น ที่ชาร์จโทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค หรือหนังสืออ่านเล่น แต่ข้อเสียของกระเป๋าเดินทางแบบผ้าคือจะมีความแข็งแรงน้อยกว่า
กันน้ำได้น้อยกว่า และเป็นรอยเปื้อนได้ง่าย
จึงอาจไม่เหมาะกับการโหลดใต้ท้องเครื่อง
2.กระเป๋าเป้เดินทาง คือกระเป๋าเป้ขนาดใหญ่ที่มีฟังก์ชั่นเหมาะสำหรับการท่องเที่ยว
เช่น สายคาดเอวหรือซิปแบบมีล็อก และมีความจุตั้งแต่ 20 ลิตรไปจนถึง 100
ลิตร กระเป๋าประเภทนี้เหมาะสำหรับทริปสไตล์แอดเวนเจอร์ เช่น เดินป่า
ปีนเขา ตั้งแคมป์ หรือทริปที่ต้องเดินขึ้นลงบันไดเยอะๆ เพราะเราจะสามารถสะพายกระเป๋าเดินได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการลากกระเป๋าหรือยกกระเป๋าขึ้นบันได อย่างไรก็ตาม
กระเป๋าประเภทนี้อาจไม่เหมาะกับคนที่ชอบพกของเพราะอาจทำให้กระเป๋ามีน้ำหนักมากจนแบกไม่ไหว
แต่ในปัจจุบันมีกระเป๋าเป้เดินทางแบบมีล้อลากที่ช่วยเปลี่ยนกระเป๋าสะพายให้เป็นกระเป๋าลากสบายๆ
ได้อย่างรวดเร็ว แต่มักมีราคาสูงกว่าและมีน้ำหนักมากกว่าด้วย
3.กระเป๋าทรงกระบอก หรือกระเป๋า Duffle Bag คือกระเป๋าสะพายไหล่ทรงกระบอกที่มีช่องใส่ของขนาดใหญ่และมีซิปเปิดตรงกลาง
โดยมีขนาดตั้งแต่ 20 ลิตรสำหรับทริปวันหยุดเสาร์อาทิตย์สบายๆ
ไปจนถึง 100 ลิตรสำหรับทริปตั้งแคมป์ที่ต้องพกอุปกรณ์จำนวนมาก
เนื่องจากกระเป๋าประเภทนี้มีช่องเก็บของขนาดใหญ่เพียงช่องเดียว
จึงสามารถใส่อุปกรณ์ขนาดใหญ่รูปทรงแปลกๆ เช่น ขาตั้งกล้อง ถุงนอน เก้าอี้สนาม
ได้ง่ายกว่ากระเป๋าแบบอื่นๆ อย่างไรก็ตาม
กระเป๋าทรงกระบอกที่มีขนาดใหญ่อาจทำให้ถือหรือสะพายได้ไม่สะดวก
ทำให้ในปัจจุบันมีกระเป๋าทรงกระบอกแบบมีล้อสำหรับความจุกระเป๋าตั้งแต่ 30 ลิตรขึ้นไป เพื่อให้เคลื่อนย้ายได้สะดวกขึ้น
แต่ข้อควรระวังคือกระเป๋าแบบมีล้ออาจไม่เหมาะกับทางขรุขระหรือบันได
เลือกกระเป๋าเดินทางให้เหมาะสมกับจำนวนวันในแต่ละทริป
ทริป 1 - 3 วัน ควรใช้กระเป๋าเดินทาง 16
- 22 นิ้ว อาจเป็นทริปด่วน
ทริปเร่งรีบ หรือการเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่เราไม่มีโอกาสได้ซื้อของฝาก
ของที่ระลึกหรือแวะช้อปปิ้งก่อนกลับได้มากนัก เราจึงควรเลือกกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก
เน้นความคล่องตัวเอาไว้ก่อน เลือกแพ็คแต่ของที่จำเป็น
พร้อมเดินขึ้นเครื่องแบบชิลล์ๆได้เลย
ทริป 4 - 7 วัน ควรใช้กระเป๋าเดินทาง 24 - 26 นิ้ว ควรเตรียมกระเป๋าใบใหญ่และโหลดลงใต้เครื่องไปเลยแบบไม่ต้องคิดมาก
เพื่อให้เราเที่ยวได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องจำนวนเสื้อผ้า
จุได้เน้นๆเหลือๆเพียงพอสำหรับใส่เสื้อผ้าสัมภาระ และของช้อปของฝากกลับมาด้วย
ทริป 7 - 10 วันขึ้นไป ควรใช้กระเป๋าเดินทาง 29 - 32 นิ้ว สำหรับการเดินทางระยะยาวหรือทริปที่เราไปเที่ยวเมืองหนาว
ควรเลือกกระเป๋าที่มีความจุเยอะ สามารถใส่เสื้อผ้าและของใช้จำเป็นได้เพียงพอ
รวมถึงใส่เสื้อโค้ทหนาๆได้แบบสบายๆหายห่วง
นิสัยในการขนสัมภาระของตนเอง
ปัจจัยถัดไปที่ควรพิจารณาคือนิสัยในการขนสัมภาระของตนเอง
ถ้าเป็นคนง่ายๆ มีข้าวของและเสื้อผ้าไม่มาก ก็อาจจะไม่ต้องใช้กระเป๋าที่ใหญ่มาก
ส่วนใครที่มีสัมภาระเยอะ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง รองเท้า อุปกรณ์ทำผม
ก็อาจจะต้องเลือกกระเป๋าที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย นอกจากนี้
ควรถามตัวเองว่าปกติแล้วเป็นคนชอบช็อปปิ้งหรือชอบซื้อของฝากหรือไม่
เพราะอาจจะต้องเลือกไซส์กระเป๋าเดินทางเผื่อขนของกลับเพิ่มเติม
ล้อลาก
การเลือกล้อลากกระเป๋าให้เหมาะสมก็สำคัญเช่นเดียวกัน
โดยกระเป๋าเดินทางมีทั้งแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ
ก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป กระเป๋าเดินทางแบบ 2 ล้อโดยทั่วไปแล้วจะมีราคาถูกกว่า
และตัวล้อจะยื่นออกมาจากตัวกระเป๋าน้อยกว่า
ทำให้มีโอกาสที่จะแตกหักจากการหล่นหรือการกระแทกน้อยลง แต่ไม่สามารถลากได้ทุกทิศทางและผู้ใช้จำเป็นต้องเอียงกระเป๋าเล็กน้อยจึงจะลากกระเป๋าได้
ทำให้ใช้พื้นที่ในการลากมากกว่า ไม่เหมาะกับการต่อคิวในพื้นที่แคบๆ ส่วนกระเป๋าเดินทางแบบ
4 ล้อจะสะดวกกว่าตรงที่สามารถลากได้ทุกทิศทางและลากในพื้นที่แคบได้
แต่กระเป๋าอาจไหลได้หากวางกระเป๋าไว้บนพื้นเอียง และเนื่องจากตัวล้อของกระเป๋าแบบ 4
ล้อจะยื่นออกมามากกว่า ทำให้ตัวล้อเสียหายได้ง่ายกว่า
ช่องแบ่งในกระเป๋า
ช่องแบ่งในกระเป๋าช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน
เช่น ช่องใส่โน๊ตบุ๊ค ช่องใส่ของเล็กๆ ช่องใส่เสื้อผ้าเปียกแบบกันน้ำรั่วได้
ช่องใส่สูทที่ช่วยไม่ให้ผ้ายับ
หรือถ้าเป็นกระเป๋าแบบผ้าก็จะมีช่องแบ่งด้านนอกไว้สำหรับใส่ของที่ต้องหยิบใช้บ่อยๆ
ด้วย
ลองตรวจสอบการใช้งานกระเป๋าเดินทางของตนเองเพื่อดูว่ากระเป๋าที่มีช่องแบ่งแบบไหนจะเหมาะกับเรามากที่สุด
ซิปขยายขนาด
ซิปขยายขนาดคือซิปด้านข้างกระเป๋าที่ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระในกระเป๋าได้
ซึ่งถือเป็นอีกฟัก์ชั่นหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการช็อปปิ้งหรือซื้อของฝากตอนขากลับและกลัวว่าอาจมีพื้นที่ในกระเป๋าไม่พอ
สี
นอกเหนือจากความสวยงามแล้ว
สีของประเป๋าเดินทางยังมีประโยชน์อื่นๆ เช่น กระเป๋าสีดำ จะช่วยให้มองไม่เห็นรอยขีดข่วนบนตัวกระเป๋า
ส่วนกระเป๋าสีสดๆ หรือกระเป๋าที่มีลวดลายไม่เหมือนใครก็จะช่วยให้สามารถหากระเป๋าบนสายพานได้ง่าย
และป้องกันไม่ให้มีใครหยิบกระเป๋าผิด ใครที่วางแผนว่าจะโหลดกระเป๋าบ่อยๆ
ควรเลือกกระเป๋าสีสดไว้ก่อนจะดีกว่า หรือถ้าใครอยากใช้กระเป๋าสีเรียบๆ
อาจต้องผูกผ้าหรือติดป้ายห้อยกระเป๋าเดินทางให้เด่นชัด
ความปลอดภัย
ความปลอดภัยก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเลือกกระเป๋าเดินทาง
โดยจะแนะนำให้เลือกกระเป๋าที่มีล็อกในกรณีที่โหลดกระเป๋าใต้ท้องเครื่องบ่อยๆ
เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้ของมีค่าข้างในกระเป๋าถูกขโมยได้ อย่างไรก็ตาม
หากเดินทางไปต่างประเทศแล้วเจ้าหน้าที่ของสนามบินต้องการเปิดกระเป๋าเพื่อตรวจสอบสัมภาระภายใน
เจ้าหน้าที่อาจงัดล็อกเพื่อเปิดกระเป๋าซึ่งอาจทำให้กระเป๋าเสียหายได้
เป็นยังไงกันบ้างคร้าบบบ... เลือกกระเป๋าเดินทางยังไง
ให้เหมาะกับทริปเดินทาง... หวังว่าจะเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกใช้กระเป๋าเดินทางที่ถูกใจและเหมาะกับการใช้งาน ได้นะครับบ...